ซัมมิท แหลมฉบัง โอโต บอดี้ รับฝ่ายผลิต ชาย
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
ซัมมิท แหลมฉบัง โอโต บอดี้ รับฝ่ายผลิต ชาย
……………………………………………………………
ต้องการให้เราลงประกาศให้หน่วยงานของท่าน
กรุณาทักไลน์ เบอร์โทร 0660105977
วิธีการสัมภาษณ์งานอย่างถูกวิธี?
นี่คืองานที่คุณตามหาจริงหรอ? เบื่อไหม กับการสัมภาษณ์งานซ้ำๆซากๆ?
ลองมาแชร์ประสบการณ์ และ คำถามสัมภาษณ์งานป่วนๆกัน
BKK Startup Job Fest โอกาสเดียวที่จะพบกันบริษัท Startup ชั้นนำกว่า 40 บริษัทที่จะมาเปิดรับสมัครงานตลอดระยะเวลา 2 วันเต็ม และพบกับกิจกรรมสนุกๆอีกมาก พบกัน 2526 ก.ค.นี้ ณ CAsean Cyber World MRT ศูนย์วัฒนธรรม ทางออก 1 งานนี้ คนรุ่นใหม่ ห้ามพลาด!
Facebook: https://www.facebook.com/BKKStartupJobFest
Instagram: https://instagram.com/bkkstartupjobfest
Website: http://bkkstartupjobfest.getlinks.co
BSJF SupportThaiStartups
“เบอร์ดี้ บดินทร์ธร” น้องชาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ทุบกำไรบริษัทอสังหาฯ จนต้องคารวะ
“เบอร์ดี้ บดินทร์ธร” น้องชาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ทุบกำไรบริษัทอสังหาฯ จนต้องคารวะ
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองแต่ละพรรคต่างเร่งลงพื้นที่หาเสียง เพื่อพิชิตใจคนในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ดูเหมือนจะได้รับความสนใจจากประชาชนค่อนข้างมาก ตั้งแต่มีประเด็น ฟ้ารักพ่อ หรือวลีเด็ดของนักการเมืองระดับบิ๊กเบิ้มแต่ละพรรค ที่มาร่วมดีเบตในรายการทีวี
กระทั่งสื่อหลายแห่งตามล้วงลึกถึงครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” โดยพบว่า ธนาธรมีน้องชายชื่อ เบอร์ดี้บดินทร์ธร ที่ถอดแบบออกมาราวกับโคลนนิ่ง ทั้งเรื่องหน้าตา การเรียน รวมถึงหน้าที่การงาน
แน่นอนว่า ประวัติการทำงานเขา เบอร์ดี้บดินทร์ธร ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวเป็นถึง CEO ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในนามบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลิปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นการรับไม้ต่อจากพี่ชาย
ที่ลาออกเพื่อลงสนามการเมือง Sanook! Money ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัทดังกล่าวทำรายได้เติบโตทุกปี ที่สำคัญบริษัทฯ มีโครงการหลายโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม
คอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์
บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548
ดำเนินธุรกิจการซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 900 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้
ปี 2557 รายได้ 639 ล้านบาท กำไร 4.76 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 513 ล้านบาท ขาดทุน 66.9 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 3,412 ล้านบาท กำไร 1,328 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 1,792 ล้านบาท กำไร 151 ล้านบาท
และนี่ก็คือผลงานส่วนหนึ่ง ที่เบอร์ดี้ได้ทำไว้ปีล่าสุด เห็นแบบนี้แล้ว ฟ้ารักพ่อ ก็อาจจะต้อง ฟ้ารักน้องของพ่อด้วย เช่นกัน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก สนุกดอทคอม
https://www.sanook.com/money/635019/
เรื่องเล่า ข่าวเด็ด
เรื่องเล่า ข่าวเด็ด
คุยข่าวบันเทิง
คุยข่าวบันเทิง
รายชื่อ 7 บริษัท แข่งกันจ่ายหนัก เห็นตัวเลขโบนัส หายเหนื่อยไปทั้งปี
รายชื่อ 7 บริษัท แข่งกันจ่ายหนัก เห็นตัวเลขโบนัส หายเหนื่อยไปทั้งปี
เชื่อว่าใครๆหลายคนคงจะอยากทำงานแล้วได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งหลายๆคนรอลุ้นกันอยู่ นั้นก็คือโบนัสประจำปีของแต่ละที่ว่าจะได้กันเยอะขนาดไหน วันนี้ทางทีมมุมข่าวจึงได้นำ รายชื่อของ 7 บริษัทใหญ่ว่าแต่ละที่ให้กันเท่าไหร่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่โดยเพจ ข่าวสารชลบุรี ระยอง ได้โพสต์รูปภาพพร้อมทั้งระบุข้อความว่า เปิดตัวเลขโบนัสปี62 ฝั่งอุตสาหกรรม จ.ระยอง รายละเอียด
1 บริษัท มิตซูบิซิ อิเลคทริค ไทย ออโต้ พาร์ จำกัด โบนัสอยู่ที่ 7 จุด 5 เดือน บวก เงินพิเศษ 7000 บาท
2 บริษัท มารูยาซึ อินดัสตรีส์ ไทยแลนด์ จำกัด โบนัส 5 เดือน บวก เงินพิเศษ 25000 บาท
3 บริษัท ยามาเซอิ ประเทศไทย จำกัด โบนัส 6 เดือน บวก เงินพิเศษ 37000 บาท
4 บริษัท ออฟโร้ด แอคเซสซอรี่ส์ จำกัด โบนัส 3 เดือน บวก เงินพิเศษ 50500 บาท
5 บริษัท อัสโน่ โฮริเอะ ไทยแลนด์ จำกัด โบนัส 5 เดือน บวก เงินพิเศษ 17500 บาท
6 บริษัท ซัมมิท ฟูจิกิโกะ คูราตะ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด โบนัส 3 จุด 6 เดือน บวก เงินพิเศษ 40000 บาท
7 บริษัท บางกอกอิสเทิร์นคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด โบนัส 3เดือน บวก เงินพิเศษ 38000 บาท
ที่มา ข่าวสารชลบุรี ระยอง
เรียบเรียง มุมข่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.mumkhao.com/view2337.html
ข่าวเด่นข่าวเด็ด ข่าวเด็ด ข่าวเด่น
ผณี สุดยอดวีรสตรีไทยในสงครามโลก ทั่วโลกยกย่อง แต่คนไทยกลับไม่รู้จัก!
ผณี สุดยอดวีรสตรีไทยในสงครามโลก ทั่วโลกยกย่อง แต่คนไทยกลับไม่รู้จัก!
ผณี\” วีรสตรีไทยในสงครามโลกที่คนไทยไม่รู้จัก แต่ถูกยกย่องจากทั่วโลก เธอโด่งดังมากในต่างแดน ในฐานะที่เธอช่วยเหลือชีวิตเชลยสงครามโลกไว้เป็นจำนวนมาก แต่น่าแปลกที่ในเมืองไทย น้อยคนนักที่จะเคยได้ยินเรื่องของเธอ
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 \”ด.ญ.ผณี สิริเวชชะพันธ์\” อายุได้ 14 ปี กำลังเรียนอยู่ที่ ร.ร. ราชินี ก็ถูกครอบครัวเรียกกลับมาที่กาญจนบุรีเพื่อหนีสงคราม แต่เปรียบได้กลับหนีเสือปะจระเข้เลยนะ เพราะตอนกลับไปถึงบ้าน เมืองกาญจน์นี่แหละ…หนึ่งในบริบทที่เศร้าที่สุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศไทย
ที่นั่นทหารญี่ปุ่นเข้าควบคุมทุกพื้นที่ มีการตั้งค่ายเชลยตามจุดต่างๆ เพื่อสร้างทางรถไฟข้ามไปยึดอินเดียผ่านไทยไปทางพม่า ต้อนเชลยหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งเชลยชาวดัชท์ ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกัน มารวมกันเพื่อการนี้
คนญี่ปุ่นบอกไว้ว่าจะไม่ทำอะไรคนไทยหรอก พวกเราเป็นพันธมิตรกันนี่นา แต่ถ้าคุณเข้ามาขวางเมื่อไหร่ ก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกันนะ
2 แสนกว่าชีวิตถูกพรากไประหว่างการสร้างทางรถไฟสายนี้ ด้วยการร่นระยะเวลาทำงานของญี่ปุ่น จากเส้นทางที่ต้องใช้เวลาตามปกติถึง 5 ปี พวกเขาทรมาณเชลยให้ทำทั้งวันทั้งคืนจนสำเร็จใน 14 เดือน! สภาพเชลยนี่ไม่ต่างอะไรกับโครงกระดูกเดินได้ บางคนก็เป็นคอตีบ บิด อหิ
วาห์ บ้างก็ออกไปอึ๊แล้วก็ตายจมหลุมส้วมไม่กลับมาอีกเลย
ยารักษาโรค ญี่ปุ่นก็แทบไม่ประทานมาให้แพทย์ประจำค่าย ทำงานได้แผลมาก็ค่อยๆ เป็นแผลเปื่อย เนื้อเน่า ตายกันไปตามๆ กัน บางคนป่วยหรือทำงานช้าก็จะถูกยิงทิ้งให้เพื่อนดูเป็นอุทาหรณ์
ณ จุดนั้น ญี่ปุ่นเกินขอบเขตคำว่า \”มนุษยธรรม\” ไปมากจริงๆ
แต่มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวของคุณบุญผ่อง พ่อของคุณผณีนี่แหละ เลี้ยงชีพด้วยการทำร้านขายของชำ ซึ่งต้องส่งของเข้าไปที่ค่ายเชลยเป็นประจำ พวกเขาทนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเชลยเหล่านี้ไม่ได้
คุณบุญผ่องเลยร่วมมือกับแพทย์เชลยในค่ายชื่อคุณหมอดันล็อป แอบซ่อนยาเข้าไปในเสบียงต่างๆ อย่างมิดชิด (คือยิ่งกว่าหนังสายลับ) ปอกก้านส้มโอเพื่อสอดยาบ้าง ซ่อนไว้ที่ตาข่ายเข่งสานบ้าง ใส่ถุงมัดยางไว้ในแก้วแล้วเทโอเลี้ยงใส่ลงไปบ้าง
โดยให้คุณผณี ลูกสาวตัวน้อยๆ อายุเพียง 14 ปีเป็นนกต่อ
ด้วยความเป็นเด็กน่ารัก ทหารญี่ปุ่นจึงเอ็นดูเธอ ไม่ค่อยจะตรวจตราเธอเท่าไหร่นัก และด้วยความฉลาดหัวไว เธอจึงเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้ไวมาก บางครั้งเธอก็หันเหความสนใจทหารญี่ปุ่นด้วยการร้องเพลงญี่ปุ่น เหล่าทหารก็เคลิ้มหยุดฟังด้วยความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน
ทหารญี่ปุ่นเริ่มคุ้นชินกับเธอ เธอจึงเข้าออกค่ายเชลยเป็นว่าเล่น แต่หารู้ไม่ว่า…รอบตะเข็บผ้าถุงของเธอนี่เต็มไปด้วยยารักษาเชลยทั้งนั้น พวกเขารู้ดีว่า ถ้าทหารญี่ปุ่นจับได้เมื่อไหร่วาระสุดท้ายของพวกเขาจะมาถึงเมื่อนั้น แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะช่วยเหลือเชลยจนวินาทีสุดท้ายของสงคราม เราประทับใจคำหนึ่งตอนสัมภาษณ์คุณผณี เธอบอกว่า ถ้าเธอเดินช้าไปนิดนึง เชลยจะตายไปคนนึงเลย ต้องรีบเดิน เพื่อจะเอายาไปให้เค้าให้ไวที่สุด
หลังสงครามจบ คุณบุญผ่องถูกลอบยิง 1 ครั้ง แต่ก็รอดมาได้ กองพันธ์ประเทศต่างๆ รีบส่งคนมาคุ้มกัน ไม่ให้ฮีโร่ของพวกเขาต้องเป็นอะไรไป เงินมากมายที่ให้เชลยยืมไปใช้ก่อนหลายส่วนก็ไม่ได้คืน ทำเอาบริษัทของเขาเกือบล้มละลาย รัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตรก็วิ่งโร่ช่วยส่งเงินส่งของมาให้เค้าหนุนกิจการ
……………….
ว่าที่เจ้าบ่าวทายาทแสนล้าน! เปิดโปรไฟล์ ‘ไฮโซกรกฤช’ เจ้าของธุรกิจใหญ่ หลังคุกเข่าขอ’บี มาติกา’แต่งงานชมคลิปท้ายข่าว
หลังจากปลูกต้นรักกันมานานกว่า 8 ปี ตอนนี้สาว “บี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์” ก็เตรียมตัวจะเป็นเจ้าสาวคนต่อไปแล้ว หลังโดนไฮโซหนุ่ม “กร กรกฤช จุฬางกูร” ดีกรีทายาทธุรกิจแสนล้านเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงานไปเรียบร้อย งานนี้ไม่ต้องซูมก็ดูรู้ว่าแหวนเพชรใหญ่แค่ไหน
เปิดโปรไฟล์สุดหรูของ กร กรกฤช จุฬางกูร หนุ่มคนรู้ใจของ บี มาติกา นักแสดงชื่อดัง พบเป็นทายาทธุรกิจมูลค่าหลักแสนล้านของบริษัทในเครือกลุ่มซัมมิท กรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของไทย
นับตั้งแต่ที่ละครเรื่อง สายโลหิต เวอร์ชั่น กบ สุวนันท์ และ หนุ่ม ศรราม กลับมาฉายใหม่ ก็เกิดเสียงฮือฮากันเป็นอย่างมาก ซึ่งละครเรื่องนี้ ยังมีสาวบี มาติกา แสดงเป็นดาวเรืองในตอนเด็ก จนทำให้ชื่อของ บี มาติกา กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
กรกฤช จุฬางกูร เป็นลูกชายคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คนของนายสรรเสริญนางหทัยรัตน์ จุฬางกูร แห่งบริษัทซัมมิท กรุ๊ป ซึ่งเขาเองก็มีประวัติไม่ธรรมดา ด้วยการจบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
จากนั้นเขาจึงเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านบริหารจัดการธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา และจบมาด้วยเกียรตินิยม
จากนั้น กร กรกฤช จึงได้เข้ามาสานต่องานของครอบครัวตั้งแต่ปี 2548 และเลื่อนตำแหน่งจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายบริหารทั่วไป
จนปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริหารของซัมมิท กรุ๊ป อันประกอบไปด้วย บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด หรือ SAB และบริษัท ซัมมิท โอโตซีท จำกัด (SAS)
นอกจากนี้ กร กรกฤช ยังได้ทำธุรกิจ ครัวซองต์ไทยากิ อันเนื่องมาจากที่เขาเองได้เดินทางไปญี่ปุ่นบ่อย และครอบครัวก็สนับสนุนให้เขาได้ลองเริ่มธุรกิจด้วยตัวเอง
ในตอนนั้น กร กรกฤช มองว่าการเริ่มธุรกิจแล้วตั้งโรงงานเป็นสิ่งที่ยาก ใช้ทุนสูง เขาจึงเริ่มจากการทำร้านอาหาร และได้ติดต่อไปที่บริษัทแม่ในญี่ปุ่น จนได้ร่วมธุรกิจกัน
ในตอนแรก กร กรกฤช ต้องมาดูแลร้านเอง ขายเอง จนครัวซองต์ไทยากิเป็นที่ฮอตฮิตติดใจ บางคนขับรถจากต่างจังหวัดมาซื้อก็มี ซึ่ง กร กรกฤช วางแผนจะขยายแบรนด์นี้ออกไปถึง 21 สาขาในปี 2559
นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่SEO